tag:blogger.com,1999:blog-67332073048849629112024-03-08T12:40:09.906-08:00สิริยากร จันทรา ม.5/8 เลขที่28สิริยากร จันทรา ม.5/8 เลขที่ 28http://www.blogger.com/profile/13473013362365863819noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-6733207304884962911.post-39552000843467525112011-09-17T04:47:00.001-07:002011-09-17T04:47:48.810-07:00เศรษฐกิจพอเพียง<div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center;"><a href="" name="#top"><b><span lang="TH" style="color: #6600cc; font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;">เศรษฐกิจแบบพอเพียง</span></b></a><span style="mso-bookmark: "#top";"><b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"><br style="mso-special-character: line-break;" /></span></b></span><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของเมืองไทยและคนไทยอย่างลึกซึ้งและกว้างไกล ได้ทรงวางรากฐานในการพัฒนาชนบท และช่วยเหลือประชาชนให้สามารถพึ่งตนเองได้มีความ " พออยู่พอกิน" และมีความอิสระที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องติดยึดอยู่กับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ ทรงวิเคราะห์ว่าหากประชาชนพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติโดยส่วนรวมได้ในที่สุด พระราชดำรัสที่สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ในการสร้างความเข้มแข็งในตนเองของประชาชนและสามารถทำมาหากินให้พออยู่พอกินได้ ดังนี้ </span></span><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;">"….<span lang="TH">ในการสร้างถนน สร้างชลประทานให้ประชาชนใช้นั้น จะต้องช่วยประชาชนในทางบุคคลหรือพัฒนาให้บุคคลมีความรู้และอนามัยแข็งแรง ด้วยการให้การศึกษาและการรักษาอนามัย เพื่อให้ประชาชนในท้องที่สามารถทำการเกษตรได้ และค้าขายได้</span>…"</span></b></span><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"> <span lang="TH">ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงขึ้นนี้จึงทำให้เกิดความเข้าใจได้ชัดเจนในแนวพระราชดำริของ</span> "<span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียง"</span> <span lang="TH">ซึ่งได้ทรงคิดและตระหนักมาช้านาน</span> <span lang="TH">เพราะหากเราไม่ไปพี่งพา ยึดติดอยู่กับกระแสจากภายนอกมากเกินไป</span> <span lang="TH">จนได้ครอบงำความคิดในลักษณะดั้งเดิมแบบไทยๆไปหมด มีแต่ความทะเยอทะยานบนรากฐานที่ไม่มั่นคงเหมือนลักษณะฟองสบู่</span> <span lang="TH">วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรือไม่หนักหนาสาหัสจนเกิดความเดือดร้อนกันถ้วนทั่วเช่นนี้</span> <span lang="TH">ดังนั้น</span> "<span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียง"</span> <span lang="TH">จึงได้สื่อความหมาย ความสำคัญในฐานะเป็นหลักการสังคมที่พึงยึดถือ </span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"> <span lang="TH">ในทางปฏิบัติจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงคือ</span> <span lang="TH">การฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น เศรษฐกิจพอเพียงเป็นทั้งหลักการและกระบวนการทางสังคม</span> <span lang="TH">ตั้งแต่ขั้นฟื้นฟูและขยายเครือข่ายเกษตรกรรมยั่งยืน</span> <span lang="TH">เป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตและบริโภคอย่างพออยู่พอกินขึ้นไปถึงขั้นแปรรูปอุตสาหกรรมครัวเรือน สร้างอาชีพและทักษะวิชาการที่หลากหลายเกิดตลาดซื้อขาย สะสมทุน</span> <span lang="TH">ฯลฯ</span> <span lang="TH">บนพื้นฐานเครือข่ายเศรษฐกิจชุมชนนี้</span> <span lang="TH">เศรษฐกิจของ </span>3 <span lang="TH">ชาติ จะพัฒนาขึ้นมาอย่างมั่นคงทั้งในด้านกำลังทุนและตลาดภายในประเทศ รวมทั้งเทคโนโลยีซึ่งจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นมาจากฐานทรัพยากรและภูมิปัญญาที่มีอยู่ภายในชาติ และทั้งที่จะพึงคัดสรรเรียนรู้จากโลกภายนอก </span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"> <span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจที่พอเพียงกับตัวเอง ทำให้อยู่ได้ ไม่ต้องเดือดร้อน มีสิ่งจำเป็นที่ทำได้โดยตัวเองไม่ต้องแข่งขันกับใคร และมีเหลือเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ไม่มี อันนำไปสู่การแลกเปลี่ยนในชุมชน และขยายไปจนสามารถที่จะเป็นสินค้าส่งออก เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจระบบเปิดที่เริ่มจากตนเองและความร่วมมือ วิธีการเช่นนี้จะดึงศักยภาพของ ประชากรออกมาสร้างความเข้มแข็งของครอบครัว ซึ่งมีความผู้พันกับ </span>“<span lang="TH">จิตวิญญาณ</span>” <span lang="TH">คือ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <br />
<br />
<span lang="TH">ในระบบเศรษฐกิจพอเพียงจะจัดลำดับความสำคัญของ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า</span> “<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">มูลค่านั้นขาดจิตวิญญาณ เพราะเป็นเศรษฐกิจภาคการเงิน ที่เน้นที่จะตอบสนองต่อความต้องการที่ไม่จำกัดซึ่งไร้ขอบเขต ถ้าไม่สามารถควบคุมได้การใช้ทรัพยากรอย่างทำลายล้างจะรวดเร็วขึ้นและปัญหาจะตามมา เป็นการบริโภคที่ก่อให้เกิดความทุกข์หรือพาไปหาความทุกข์ และจะไม่มีโอกาสบรรลุวัตถุประสงค์ในการบริโภค ที่จะก่อให้ความพอใจและความสุข</span> (Maximization of Satisfaction) <span lang="TH">ผู้บริโภคต้องใช้หลักขาดทุนคือกำไร (</span>Our loss is our gain) <span lang="TH">อย่างนี้จะควบคุมความต้องการที่ไม่จำกัดได้ และสามารถจะลดความต้องการลงมาได้ ก่อให้เกิดความพอใจและความสุขเท่ากับได้ตระหนักในเรื่อง </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้ ไม่ต้องไปหาวิธีทำลายทรัพยากรเพื่อให้เกิดรายได้มาจัดสรรสิ่งที่เป็น</span> “<span lang="TH">ความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด</span>” <span lang="TH">และขจัดความสำคัญของ </span>“<span lang="TH">เงิน</span>” <span lang="TH">ในรูปรายได้ที่เป็นตัวกำหนดการบริโภคลงได้ระดับหนึ่ง แล้วยังเป็นตัวแปรที่ไปลดภาระของกลไกของตลาดและการพึ่งพิงกลไกของตลาด ซึ่งบุคคลโดยทั่วไปไม่สามารถจะควบคุมได้ รวมทั้งได้มีส่วนในการป้องกันการบริโภคเลียนแบบ (</span>Demonstration Effects) <span lang="TH">จะไม่ทำให้เกิดการสูญเสีย จะทำให้ไม่เกิดการบริโภคเกิน (</span>Over Consumption) <span lang="TH">ซึ่งก่อให้เกิดสภาพเศรษฐกิจดี สังคมไม่มีปัญหา การพัฒนายั่งยืน</span> <br />
<br />
<span lang="TH">การบริโภคที่ฉลาดดังกล่าวจะช่วยป้องกันการขาดแคลน แม้จะไม่ร่ำรวยรวดเร็ว แต่ในยามปกติก็จะทำให้ร่ำรวยมากขึ้น ในยามทุกข์ภัยก็ไม่ขาดแคลน และสามารถจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยไม่ต้องหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นมากเกินไป เพราะฉะนั้นความพอมีพอกินจะสามารถอุ้มชูตัวได้ ทำให้เกิดความเข้มแข็ง และความพอเพียงนั้นไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่เอง แต่มีการแลกเปลี่ยนกันได้ระหว่างหมู่บ้าน เมือง และแม้กระทั่งระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือการบริโภคนั้นจะทำให้เกิดความรู้ที่จะอยู่ร่วมกับระบบ รักธรรมชาติ ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เพราะไม่ต้องทิ้งถิ่นไปหางานทำ เพื่อหารายได้มาเพื่อการบริโภคที่ไม่เพียงพอ</span> <br />
<br />
<span lang="TH">ประเทศไทยอุดมไปด้วยทรัพยากรและยังมีพอสำหรับประชาชนไทยถ้ามีการจัดสรรที่ดี โดยยึด " คุณค่า " มากกว่า " มูลค่า " ยึดความสัมพันธ์ของ </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">และปรับความต้องการที่ไม่จำกัดลงมาให้ได้ตามหลักขาดทุนเพื่อกำไร และอาศัยความร่วมมือเพื่อให้เกิดครอบครัวที่เข้มแข็งอันเป็นรากฐานที่สำคัญของระบบสังคม</span> <br />
<br />
<span lang="TH">การผลิตจะเสียค่าใช้จ่ายลดลงถ้ารู้จักนำเอาสิ่งที่มีอยู่ในขบวนการธรรมชาติมาปรุงแต่ง ตามแนวพระราชดำริในเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วซึ่งสรุปเป็นคำพูดที่เหมาะสมตามที่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ตินณสูลานนท์ ที่ว่า </span>“…<span lang="TH">ทรงปลูกแผ่นดิน ปลูกความสุข ปลดความทุกข์ของราษฎร</span>” <span lang="TH">ในการผลิตนั้นจะต้องทำด้วยความรอบคอบไม่เห็นแก่ได้ จะต้องคิดถึงปัจจัยที่มีและประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้อง มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาอย่างเช่นบางคนมีโอกาสทำโครงการแต่ไม่ได้คำนึงว่าปัจจัยต่าง ๆ ไม่ครบ ปัจจัยหนึ่งคือขนาดของโรงงาน หรือเครื่องจักรที่สามารถที่จะปฏิบัติได้ แต่ข้อสำคัญที่สุด คือวัตถุดิบ ถ้าไม่สามารถที่จะให้ค่าตอบแทนวัตถุดิบแก่เกษตรกรที่เหมาะสม เกษตรกรก็จะไม่ผลิต ยิ่งถ้าใช้วัตถุดิบสำหรับใช้ในโรงงานั้น เป็นวัตถุดิบที่จะต้องนำมาจากระยะไกล หรือนำเข้าก็จะยิ่งยาก เพราะว่าวัตถุดิบที่นำเข้านั้นราคายิ่งแพง บางปีวัตถุดิบมีบริบูรณ์ ราคาอาจจะต่ำลงมา แต่เวลาจะขายสิ่งของที่ผลิตจากโรงงานก็ขายยากเหมือนกัน เพราะมีมากจึงทำให้ราคาตก หรือกรณีใช้เทคโนโลยีทางการเกษตร เกษตรกรรู้ดีว่าเทคโนโลยีทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และผลผลิตที่เพิ่มนั้นจะล้นตลาด ขายได้ในราคาที่ลดลง ทำให้ขาดทุน ต้องเป็นหนี้สิน</span> <br />
<br />
<br />
<b><span lang="TH">การผลิตตามทฤษฎีใหม่สามารถเป็นต้นแบบการคิดในการผลิตที่ดีได้ ดังนี้ </span></b><br />
<br />
1. <span lang="TH">การผลิตนั้นมุ่งใช้เป็นอาหารประจำวันของครอบครัว เพื่อให้มีพอเพียงในการบริโภคตลอดปี เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันและเพื่อจำหน่าย</span> <br />
2. <span lang="TH">การผลิตต้องอาศัยปัจจัยในการผลิต ซึ่งจะต้องเตรียมให้พร้อม เช่น การเกษตรต้องมีน้ำ การจัดให้มีและดูแหล่งน้ำ จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งการผลิต และประโยชน์ใช้สอยอื่น ๆ</span> <br />
3. <span lang="TH">ปัจจัยประกอบอื่น ๆ ที่จะอำนวยให้การผลิตดำเนินไปด้วยดี และเกิดประโยชน์เชื่อมโยง (</span>Linkage) <span lang="TH">ที่จะไปเสริมให้เกิดความยั่งยืนในการผลิต จะต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายทั้ง เกษตรกร ธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับเศรษฐกิจการค้า และให้ดำเนินกิจการควบคู่ไปด้วยกันได้</span> <br />
<br />
<span lang="TH">การผลิตจะต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่าง </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">การผลิตนั้นต้องยึดมั่นในเรื่องของ </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">ให้มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">ดังพระราชดำรัส ซึ่งได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้ที่ว่า</span> <br />
<br />
<b>“…<span lang="TH">บารมีนั้น คือ ทำความดี เปรียบเทียบกับธนาคาร </span>…<span lang="TH">ถ้าเราสะสมเงินให้มากเราก็สามารถที่จะใช้ดอกเบี้ย ใช้เงินที่เป็นดอกเบี้ย โดยไม่แตะต้องทุนแต่ถ้าเราใช้มากเกิดไป หรือเราไม่ระวัง เรากิน เข้าไปในทุน ทุนมันก็น้อยลง ๆ จนหมด </span>…<span lang="TH">ไปเบิกเกินบัญชีเขาก็ต้องเอาเรื่อง ฟ้องเราให้ล้มละลาย เราอย่าไปเบิกเกินบารมีที่บ้านเมือง ที่ประเทศได้สร้างสมเอาไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษของเราให้เกินไป เราต้องทำบ้าง หรือเพิ่มพูนให้ประเทศของเราปกติมีอนาคตที่มั่นคง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาล ได้สร้างบ้านเมืองมาจนถึงเราแล้ว ในสมัยนี้ที่เรากำลังเสียขวัญ กลัว จะได้ไม่ต้องกลัว ถ้าเราไม่รักษาไว้</span>…” </b><br />
<br />
<span lang="TH">การจัดสรรทรัพยากรมาใช้เพื่อการผลิตที่คำนึงถึง </span>“<span lang="TH">คุณค่า</span>” <span lang="TH">มากกว่า </span>“<span lang="TH">มูลค่า</span>” <span lang="TH">จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่าง </span>“<span lang="TH">บุคคล</span>” <span lang="TH">กับ </span>“<span lang="TH">ระบบ</span>” <span lang="TH">เป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่ทำลายทั้งทุนสังคมและทุนเศรษฐกิจ นอกจากนี้จะต้องไม่ติดตำรา สร้างความรู้ รัก สามัคคี และความร่วมมือร่วมแรงใจ มองกาลไกลและมีระบบสนับสนุนที่เป็นไปได้</span> <br />
<br />
<span lang="TH">พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลูกฝังแนวพระราชดำริให้ประชาชนยอมรับไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยให้วงจรการพัฒนาดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ กล่าวคือ</span> <br />
<br />
<b><span lang="TH">ทรงสร้างความตระหนักแก่ประชาชนให้รับรู้ (</span>Awareness)</b> <span lang="TH">ในทุกคราเมื่อ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมประชาชนในทุกภูมิภาคต่าง ๆ จะทรงมีพระราชปฏิสันถารให้ประชาชนได้รับทราบถึงสิ่งที่ควรรู้ เช่น การปลูกหญ้าแฝกจะช่วยป้องกันดินพังทลาย และใช้ปุ๋ยธรรมชาติจะช่วยประหยัดและบำรุงดิน การแก้ไขดินเปรี้ยวในภาคใต้สามารถกระทำได้ การ ตัดไม้ทำลายป่าจะทำให้ฝนแล้ง เป็นต้น ตัวอย่างพระราชดำรัสที่เกี่ยวกับการสร้างความตระหนักให้แก่ประชาชน ได้แก่</span> <br />
<br />
<b>“….<span lang="TH">ประเทศไทยนี้เป็นที่ที่เหมาะมากในการตั้งถิ่นฐาน แต่ว่าต้องรักษาไว้ ไม่ทำให้ประเทศไทยเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทราย ก็ป้องกัน ทำได้</span>….”</b> <br />
<br />
<span lang="TH">ทรงสร้างความสนใจแก่ประชาชน (</span>Interest) <span lang="TH">หลายท่านคงได้ยินหรือรับฟัง โครงการอันเนื่อง มาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีนามเรียกขานแปลกหู ชวนฉงน น่าสนใจติดตามอยู่เสมอ เช่น โครงการแก้มลิง โครงการแกล้งดิน โครงการเส้นทางเกลือ โครงการน้ำดีไล่น้ำเสีย หรือโครงการน้ำสามรส ฯลฯ เหล่านี้ เป็นต้น ล้วนเชิญชวนให้ ติดตามอย่างใกล้ชิด แต่พระองค์ก็จะมีพระราชาธิบายแต่ละโครงการอย่างละเอียด เป็นที่เข้าใจง่ายรวดเร็วแก่ประชาชนทั้งประเทศ</span> <br />
<br />
<span lang="TH">ในประการต่อมา <b>ทรงให้เวลาในการประเมินค่าหรือประเมินผล (</b></span><b>Evaluate)</b> <span lang="TH">ด้วยการศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระองค์นั้นเป็นอย่างไร สามารถนำไปปฏิบัติได้ในส่วนของตนเองหรือไม่ ซึ่งยังคงยึดแนวทางที่ให้ประชาชนเลือกการพัฒนาด้วยตนเอง ที่ว่า</span> <br />
<b>“….<span lang="TH">ขอให้ถือว่าการงานที่จะทำนั้นต้องการเวลา เป็นงานที่มีผู้ดำเนินมาก่อนแล้ว ท่านเป็นผู้ที่จะเข้าไปเสริมกำลัง จึงต้องมีความอดทนที่จะเข้าไปร่วมมือกับผู้อื่น ต้องปรองดองกับเขาให้ได้ แม้เห็นว่ามีจุดหนึ่งจุดใดต้องแก้ไขปรับปรุงก็ต้องค่อยพยายามแก้ไขไปตามที่ถูกที่ควร</span>….”</b> <br />
<br />
<b><span lang="TH">ในขั้นทดลอง (</span>Trial)</b> <span lang="TH">เพื่อทดสอบว่างานในพระราชดำริที่ทรงแนะนำนั้นจะได้ผลหรือไม่ซึ่งในบางกรณีหากมีการทดลองไม่แน่ชัดก็ทรงมักจะมิให้เผยแพร่แก่ประชาชน หากมีผลการทดลองจนแน่พระราชหฤทัยแล้วจึงจะออกไปสู่สาธารณชนได้ เช่น ทดลองปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำนั้น ได้มีการค้นคว้าหาความเหมาะสมและความเป็นไปได้จนทั่วทั้งประเทศว่าดียิ่งจึงนำออกเผยแพร่แก่ประชาชน เป็นต้น</span> <br />
<br />
<b><span lang="TH">ขั้นยอมรับ (</span>Adoption)</b> <span lang="TH">โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินั้น เมื่อผ่านกระบวนการมาหลายขั้นตอน บ่ม เพาะ และมีการทดลองมาเป็นเวลานาน ตลอดจนทรงให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริและสถานที่อื่น ๆ เป็นแหล่งสาธิตที่ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาดูได้ถึงตัวอย่างแห่งความสำเร็จ ดังนั้น แนวพระราชดำริของพระองค์จึงเป็นสิ่งที่ราษฎรสามารถพิสูจน์ได้ว่าจะได้รับผลดีต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของตนได้อย่างไร</span> <br />
<br />
<span lang="TH">แนวพระราชดำริทั้งหลายดังกล่าวข้างต้นนี้ แสดงถึงพระวิริยะอุตสาหะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทุ่มเทพระสติปัญญา ตรากตรำพระวรกาย เพื่อค้นคว้าหาแนวทางการพัฒนาให้พสกนิกรทั้งหลายได้มีความร่มเย็นเป็นสุขสถาพรยั่งยืนนาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่ได้พระราชทานแก่ปวงไทยตลอดเวลามากกว่า </span>50 <span lang="TH">ปี จึงกล่าวได้ว่าพระราชกรณียกิจของพระองค์นั้นสมควรอย่งยิ่งที่ทวยราษฎรจักได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ตามที่ทรงแนะนำ สั่งสอน อบรมและวางแนวทางไว้เพื่อให้เกิดการอยู่ดีมีสุขโดยถ้วนเช่นกัน โดยการพัฒนาประเทศจำเป็นต้องทำตามลำดับขึ้นตอนต้องสร้างพื้นฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัด แต่ถูกต้องตาหลักวิชาการ เพื่อได้พื้นฐานที่มั่นคงพร้อมพอสมควรและปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริม ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจขึ้นที่สูงขึ้นไปตามลำดับ จะก่อให้เกิดความยั่งยืนและจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของครอบครัว ชุมชน และสังคม สุดท้ายเศรษฐกิจดี สังคมไม่มีปัญหา การพัฒนายั่งยืน</span> <br />
<br />
<b><span lang="TH">ประการที่สำคัญของเศรษฐกิจพอเพียง</span></b><span lang="TH"> </span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 10pt 36pt; mso-margin-bottom-alt: auto; mso-margin-top-alt: auto;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"> 1. <span lang="TH">พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน </span>2-3 <span lang="TH">ต้น พอที่จะมีไว้กินเองในครัวเรือน เหลือจึงขายไป</span> <br />
2. <span lang="TH">พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ (ใช้จุลินทรีย์ผสมน้ำถูพื้นบ้าน จะสะอาดกว่าใช้น้ำยาเคมี) รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล)</span> <br />
3. <span lang="TH">พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ปัญญาจะไม่เกิด </span></span></span></div><div class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 12pt 36pt;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"> " <span lang="TH">การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่พอกิน และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความว่า <b>อุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตัวเอง</b></span> " </span></span></div><div align="center" class="MsoNormal" style="line-height: normal; margin: 0cm 0cm 0pt 36pt; text-align: center;"><span style="mso-bookmark: "#top";"><b><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;">"<span lang="TH">เศรษฐกิจพอเพียง" จะสำเร็จได้ด้วย "ความพอดีของตน</span></span></b></span><span style="mso-bookmark: "#top";"><span style="font-family: "Angsana New", "serif"; font-size: 16pt; mso-ascii-theme-font: major-bidi; mso-bidi-theme-font: major-bidi; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-hansi-theme-font: major-bidi;"></span></span></div><span style="mso-bookmark: "#top";"></span><div class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 10pt;"><br />
</div>สิริยากร จันทรา ม.5/8 เลขที่ 28http://www.blogger.com/profile/13473013362365863819noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6733207304884962911.post-59680356697824123332011-09-17T04:43:00.000-07:002011-09-17T04:43:33.310-07:00การพัฒนาเศรษฐกิจ<span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><strong>การพัฒนาเศรษฐกิจ </strong> เป็นกระบวนการที่ทำให้รายได้ต่อบุคคลที่แท้จริง<span lang="en"> </span>ของคนในประเทศเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด<span lang="en"> <b> </b></span></span><br />
<div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ เพื่อการยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนให้สูงขึ้น การวัดว่าประเทศมีการพัฒนาเศรษฐกิจอยู่ในระดับใดขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเครื่องมือสำคัญ คือ รายได้ต่อบุคคล และหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เศรษฐกิจ ซึ่งค่าใช้จ่าย หรือรายได้ต่อบุคคลเป็นเครื่องวัดฐานะทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถแบ่งประเทศต่าง ๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ประเทศด้อยพัฒนา ประเทศกึ่งพัฒนา และประเทศพัฒนาแล้ว</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> ประเทศด้อยพัฒนา</b> มีลักษณะสำคัญคือ ระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนต่ำ ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม อัตราเกิดสูง มีคนว่างงานมาก การออมมีน้อย ขาดแคลนทุน ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ และต้องพึ่งพาอาศัยต่างประเทศมาก</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> ปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ </b> ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่ ปริมาณและคุณภาพของประชากร ปริมาณทรัพยากรธรรมชาติ การสะสมทุน และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาเศรษฐกิจของไทย</b> ประเทศไทยได้เริ่มใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2504 โดยแผนพัฒนาฯ แต่ละฉบับ มีจุดเน้นแต่ละแผนดังนี้</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 1</b> เน้นการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทาง เศรษฐกิจ</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 2 </b>เน้นการพัฒนาสังคมควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 3 </b>เน้นความร่วมมือของราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้เอกชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 4 </b>เน้นความปลอดภัยมั่นคง</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"> </span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 5 </b>เน้นในเรื่องการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาความยากจนในชนบท</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 6 </b>เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาดุลการค้า การคลังและการว่างงาน ตลอดจนความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ และการตกต่ำทางฐานะของเกษตรกร</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 </b>เน้นการกระจายรายได้ และการกระจายการพัฒนาไปสู่ภูมิภาคและชนบทให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 </b>เน้นการพัฒนาศักยภาพของคน</span></div><div align="left"><span style="font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><b> แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 </b>ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทาง</span></div>สิริยากร จันทรา ม.5/8 เลขที่ 28http://www.blogger.com/profile/13473013362365863819noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-6733207304884962911.post-22932366589871311072011-09-17T04:37:00.001-07:002011-09-17T04:37:31.405-07:00เศรษฐศาสตร์สิริยากร จันทรา ม.5/8 เลขที่ 28http://www.blogger.com/profile/13473013362365863819noreply@blogger.com0